รถชนแต่ใบขับขี่หมดอายุ ต้องทำอย่างไร?
อุบัติเหตุ แน่นอนว่าสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นในขณะที่ ใบขับขี่หมดอายุแล้ว คุณจะทำอย่างไร? ประกันจะจ่ายหรือไม่? เป็นปัญหาที่ใครหลายคน อาจเคยเจอมาก่อน วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจ และคลายทุกประเด็นให้คุณ เพราะทุกปัญหาย่อมมีทางออก มาดูกันดีกว่าว่า ต้องจะเริ่มจากอะไรก่อนดี
ใบขับขี่หมดอายุ เกิดอุบัติเหตุ แล้วเคลมได้ไหม?
วันนี้เรามีคำตอบมาให้คุณอย่างแน่นอน อันดับแรกก่อนที่คุณจะขับรถไปที่ไหนสักแห่ง อย่างน้อยคุณต้องมีเอกสารสำคัญอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ. รถยนต์, เอกสารแสดงการต่อภาษีประจำปี, ประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือประกันภัยชั้นอื่น ๆ และที่ลืมไม่ได้เด็ดขาด นั่นก็คือ “ใบอนุญาตขับขี่” หมายถึง เอกสารที่แสดงว่าบุคคล มีสามารถในการขับขี่รถประเภทต่าง ๆ ที่สัญจรบนท้องถนนได้ ซึ่งออกให้โดยกรมการขนส่งทางบก ที่มีทั้งแบบ 2 ปี และแบบต่อทุก ๆ 5 ปี ซึ่งใบขับขี่ถ้าหมดอายุขึ้นมาจริง ๆ แล้วเกิดอุบัติเหตุ จะเคลมได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข ดังนี้
1. กรณีเป็นฝ่ายถูก
ส่วนใหญ่เงื่อนไขในการทำประกันรถชั้น 1 มักจะคุ้มครองแบบรอบด้านอยู่แล้ว แม้ว่าคุณจะไม่มีใบขับขี่หรือใบขับขี่หมดอายุ ยังไงประกันของคู่กรณีคุณก็คุ้มครองแน่นอน
2. กรณีเป็นฝ่ายผิด แบ่งย่อยได้อีก 3 กรณี ดังนี้
2.1 ลืมพกใบขับขี่ ประกันยังคุ้มครองทั้งรถคุณและคู่กรณีเหมือนเดิม
2.2 ใบขับขี่หมดอายุ หรือโดนยึด ประกันจะถือว่าคุณยังมีความสามารถในการขับรถถึงแม้ใบขับขี่จะหมดอายุก็ตาม ก็จะให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์อยู่
2.3 ไม่เคยมีใบขับขี่ ประกันจะคุ้มครองแค่คู่กรณีของคุณเท่านั้น ส่วนรถของคุณจะต้องจ่ายค่าซ่อมแซมด้วยเงินส่วนตัวของคุณเอง
ใบขับขี่ หมดอายุแล้วรถชน ช่วงวิกฤตโรคระบาด ต้องทำอย่างไร?
แน่นอนว่าความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากใคร ๆ ต่างก็กลัว ซึ่งอย่างที่ทราบกันแล้วว่า ถ้าใบขับขี่หมดอายุ สามารถเคลมได้ในบางกรณี ถ้าเราไม่เข้าเงื่อนไข ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
ดังนั้นกรมการขนส่งทางบก จึงเล็งเห็นความสำคัญ อนุญาตให้ผ่อนผันใบขับขี่ที่หมดอายุ และสามารถต่อใบอนุญาตด้วยตนเองได้ทางอินเตอร์เน็ต ผ่านระบบออนไลน์ของ DLT e-learning จากนั้นจะได้หลักฐาน แสดงว่าผ่านการอบรม แล้วนำไปยื่นที่สำนักงานขนส่งฯ แต่ละจังหวัดได้เลย แล้วการเคลม ประกันภัยไม่ว่าประเภทไหนก็ตาม ก็จะเป็นเรื่องง่าย ไม่ยุ่งยากอีกต่อไป
วิธีการต่อใบขับขี่หมดอายุ (ออนไลน์) ด้วยตนเอง มีขั้นตอน ดังนี้
1. ตรวจสอบสัญญาณอินเตอร์เน็ต แล้วเข้าเว็บ https://dlt-elearning.com/Home ของกรมการขนส่งฯ หรือระบบการอบรมใบอนุญาตขับรถยนต์ DLT e-learning
2. ถ้าไม่เคยเข้าระบบมาก่อนให้เลือก “ลงทะเบียนใหม่” แล้วกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล์, วัน/เดือน/ปีเกิด จากนั้นกด “ดำเนินการต่อ” กดยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข แล้วกด “ยืนยัน”
3. ล็อกอินเข้าระบบโดยกรอก “หมายเลขประจำตัวประชาชน” และ “วัน/เดือน/ปีเกิด” แล้วเข้าสู่หน้าหลักสูตรอบรมใบอนุญาตขับขี่ออนไลน์
4. ถ้าใบขับขี่หมดอายุ แล้วรถชน เลือกสมัครอบรมตามใบอนุญาต 4 หลักสูตร ดังนี้
4.1 ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (ระยะเวลาอบรม 1 ชั่วโมง) หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ ผู้ที่ใบอนุญาตหมดอายุ และขาดต่อไม่เกิน 1 ปี สามารถต่อได้ทั้งรถยนต์, รถจักรยานยนต์ และรถยนต์สามล้อ
4.2 ใบอนุญาตขับรถขนส่ง (ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง) รถส่วนบุคคลชนิดที่ 1-4 (รถบรรทุก, รถพ่วง) และรถทุกชนิดที่ 1-4 (รถขนส่งขนาดเล็ก, รถขนส่งไม่ประจำทาง, รถขนส่งประจำทาง) สามารถอบรมเพื่อต่ออายุใบอนุญาตประเภทนี้ได้
4.3 ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล ขาดต่ออายุเกิน 1 ปี (ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง) สำหรับใครที่ทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 แล้วขาดต่ออายุเกิน 1 ปี ขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ ต้องรีบต่อแบบเร่งด่วน เพราะอาจเสียสิทธิ์เคลมประกันได้ในบางกรณี
4.4 ใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง) ปกติผู้ขับรถสาธารณะ มักมีการต่ออายุอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นอาชีพประจำ ได้แก่ รถยนต์สาธารณะ, รถจักรยานยนต์สาธารณะ และรถยนต์สามล้อสาธารณะ
ทั้งนี้ก่อนและหลังการอบรม จะมีการทดสอบข้อสอบชุดเดียวกัน และต้องผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด แล้วจึงบันทึกหลักฐานที่เราผ่านการอบรม ไว้ในคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ จากนั้นให้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ ในวันที่ไปต่อใบขับขี่ ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
Cr. TIP INSURE