เติมน้ำมันผิด ทำยังไง!!
หากเติมน้ำมันผิดประเภทต้องทำยังไง อาการที่เกิดขึ้นกับรถของคุณจะเป็นแบบไหน ต้องแก้ไขอย่างไรเพื่อไม่ให้รถพัง!!!
เนื่องจากปัจจุบัน น้ำมันเชื้อเพลิงที่เราเติมกันอยู่มีหลากหลายประเภทและชื่อเรียกก็ค่อนข้างที่จะคล้ายคลึงกันมากพอสมควร จนบางครั้งอาจจะเผลอบอกพนักงานเติมน้ำมันผิดแบบไม่รู้ตัวได้นั่นเอง
สำหรับวิธีการแก้ไข หากคุณเติมน้ำมันผิดประเภท
ต้องทำอย่างไร อาการที่เกิดขึ้นกับรถของคุณจะเป็นแบบไหน ต้องปฏิบัติและแก้ไขอย่างไรเพื่อไม่ให้รถของคุณมีปัญหาไป
ซึ่งรถยนต์ในปัจจุบันแบ่งเครื่องยนต์ออกเป็น 2 ประเภท คือ เบนซินและดีเซล โดยเครื่องยนต์แต่ละประเภทจำเป็นจะต้องเติมน้ำมันให้ได้ถูกต้องตามเครื่องยนต์นั้น ๆ หากเติมน้ำมันผิด หรือเติมน้ำมันสลับกันขึ้นมา
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลัก ๆ คือ
กรณีเครื่องยนต์ดีเซลเติมน้ำมันเบนซิน
1. มีควันดำออกมาจากท่อไอเสียมากกว่าปกติเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ สะดุด และเครื่องยนต์ดับได้ในที่สุด
2. มีปัญหาในการสตาร์ทเครื่องใหม่ ไม่สามารถสตาร์ทรถยนต์ได้
3. หัวฉีดเกิดการฉีดน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้แล้วเกิดการลุกไหม้เร็วจนเกินไปทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลังและดับทันที
4. อุปกรณ์ของระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเสียหาย เช่น ไส้กรองน้ำมันดีเซล ปั๊มหัวฉีดแรงดันสูง และหัวฉีดดีเซล
กรณีเครื่องยนต์เบนซินเติมน้ำมันดีเซล
1. จะทำให้หัวฉีดอุดตัน (น้ำมันดีเซลมีค่าความหนืดมากกว่าเบนซิน) หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละออง จึงทำให้หัวเทียนจุดประกายไฟแล้วเผาไหม้ได้ยากทำให้เครื่องยนต์ดับ
2. ไส้กรองเบนซินอุดตัน หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละอองและเขี้ยวหัวเทียนมีคราบเขม่าจับมาก
3. เครื่องยนต์จะมีเสียงดังขณะที่คุณกำลังเร่งความเร็ว อัตราการเร่งเครื่องยนต์ช้ากว่าปกติและไม่สามารถทำความเร็วได้ดี
4. ระบบแสดงไฟเตือนเครื่องยนต์ปรากฎขึ้น และส่งผลให้เครื่องยนต์ดับได้ในที่สุดไม่สามารถสตาร์ทรถใหม่ได้
เมื่อเติมน้ำมันผิด ต้องทำอย่างไร?
รู้ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์
1. ปิดสวิตช์กุญแจห้ามสตาร์ทรถยนต์โดยเด็ดขาด เพราะน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดจะถูกปั๊มดูดเข้าไปในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงทันที
2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดออกจากถังน้ำมันเชื้อเพลิงให้หมด
3. เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังให้พอสตาร์ทติด เช่น 5-10 ลิตร
4. บิดสวิตช์กุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์จนเครื่องยนต์ติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850 +/ -50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด-แบบดิจิตอล) และห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด
5. สังเกตดูว่ามีไฟเตือนต่าง ๆ โชว์บนหน้าปัดหรือไม่ (ถ้าปกติจะไม่มีรูปอะไรโชว์เลย)
6. เปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มภาระของเครื่องยนต์ให้มากขึ้น เช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยซ้ายสุด - ขวาสุด และให้สังเกตอาการของเครื่องยนต์ เช่น สั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่
7. เลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่งขับเคลื่อนเกียร์ D หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่
8. ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสักระยะหนึ่งรอจนกว่าเครื่องยนต์ทำงานปกติแล้วจึงเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์และรถยนต์ได้อย่างปกติ
รู้หลังสตาร์ทเครื่องยนต์ติดแล้วจนหยุดทำงาน
1. ให้ปิดสวิตช์กุญแจดับเครื่องยนต์ทันที
2. แจ้งพนักงานปั๊มให้ติดต่อช่างมาดูดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมผิดออกจากถังทั้งหมด
3. ถอดและเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงลูกใหม่
4. ถอดหัวฉีด (ดีเซลหรือเบนซิน) และหัวเทียน (เบนซิน) ล้างทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่
5. ถอดปั๊มหัวฉีดเครื่องยนต์ดีเซลส่งไปร้านเทสปั๊มหัวฉีดดีเซล (เครื่องยนต์เบนซินไม่มี)
6. ถอดฝาสูบเครื่องยนต์ เช็กความบิดเบี้ยว (ฝาโก่ง) ก้านวาล์วไอดี - ก้านวาล์วไอเสียคดหรือไม่ อาจจะต้องเปลี่ยนฝาสูบและก้านวาล์วทั้งไอดีและไอเสีย
7. หลังจากจัดการข้อ 4 - 6 เรียบร้อยแล้วให้ประกอบเข้ากับเครื่องยนต์แล้วเติมน้ำมันเชื้อเพลิงใส่ในถังประมาณ 5-10 ลิตร
8. เติมน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกต้องลงไปในถังให้พอสตาร์ทติด เช่น 5 - 10 ลิตร
9. บิดสวิตช์กุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์จนเครื่องยนต์ติดแล้วปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานที่รอบเดินเบา ประมาณ 850 + / -50 รอบต่อนาที (ดูเข็มวัดรองบนหน้าปัด-แบบดิจิตอล) และห้ามเร่งรอบเครื่องยนต์โดยเด็ดขาด
10. สังเกตดูว่ามีไฟเตือนต่าง ๆ โชว์บนหน้าปัดหรือไม่ (ถ้าปกติจะไม่มีรูปอะไรโชว์เลย)
11. เปิดสวิตช์อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มภาระของเครื่องยนต์ให้มากขึ้น เช่น แอร์ไฟแสงสว่างทั้งหมดหรือหมุนพวงมาลัยซ้ายสุด - ขวาสุด และให้สังเกตอาการของเครื่องยนต์ เช่น สั่นสะเทือนหรือมีแนวโน้มจะดับหรือไม่
12. เลื่อนคันเกียร์ไปตำแหน่งขับเคลื่อนเกียร์ D หรือเหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 สำหรับเกียร์ธรรมดา พร้อมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่
13.ขับรถที่ความเร็วรอบต่ำไปสักระยะหนึ่งรอจนกว่าเครื่องยนต์ทำงานปกติแล้วจึงเพิ่มความเร็วรอบของเครื่องยนต์และรถยนต์ได้อย่างปกติ
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดการเติมน้ำมันผิดประเภท
ตั้งสติ และแจ้งพนักงานปั๊มว่าเราต้องการน้ำมันชนิดใด ประเภทใด ชื่ออะไร เอาให้ชัดด้วยความที่ชื่อน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบันคล้ายคลึงกันอย่างที่บอกไปข้างต้น อย่าลืมจำชื่อน้ำมันเชื้อเพลิงที่คุณจะเติมให้แม่นยำ เช็กให้ชัวร์ ด้วยการหันกลับไปสังเกตพนักงานปั๊มสักนิดว่าคว้าหัวจ่ายน้ำมันถูกประเภทหรือไม่ ตรวจสอบดูใบเสร็จเพื่อเช็กรายละเอียดการเติมน้ำมันให้เรียบร้อย หากเกิดปัญหาในการเติมน้ำมันจะได้มีหลักฐานไปยืนยันในการแก้ไข ถึงแม้เหตุการณ์การเติมน้ำมันผิดประเภท อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ควรละเลย หรือชะล่าใจ บางครั้งด้วยความเคยชิน หรือเกิดอาการเผลอ อาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้นั่นเอง
Cr. FIT Auto
เลือกรถเช่า กับเรา TBR CARRENT บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชม. ทั่วประเทศ โดยทีมช่างมืออาชีพ และรถซ่อมบำรุงเคลื่อนที่ อีกทั้งยังมีบริการรถทดแทน เพื่อให้การทำงานและการเดินทางของท่านเป็นไปอย่างราบรื่นร์ ให้บริการ เช่ารถกรุงเทพ และสาขาเชียงใหม่ ให้บริการเช่ารถเชียงใหม่ TBR CARRENT พร้อมให้บริการ บริการเช่ารถระยะสั้น บริการเช่ารถระยะยาว บริการเช่ารถพร้อมคนขับมืออาชีพ และบริการพนักงานขับรถมืออาชีพ