5 ภัยร้ายทำลายสีรถที่คุณควรระวัง
1. ฝุ่น จะเป็นต้นเรื่องของหลายสาเหตุที่ทำลายสีรถคุณ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นประเภทไหนแต่ในที่นี้คือผงคล้ายๆ แป้งที่จะมาเกาะบนสีรถเรา พอเจอความชื้นก็จะกลายเป็นคราบ ถ้าไม่เช็ดออกทันที จะเกาะติดจนเกิดเป็นรอยที่สีด่างที่สีรถยนต์ได้ แต่แก้ไขได้ โดยการขัดสีก็จะออก รถสีอ่อนๆ จะเห็นไม่ค่อยชัด แต่ถ้าเป็นรถยนต์ที่สีเข้มๆ จะเห็นชัดมากกว่า
2. รอยขีดข่วน หลายคนคงคิดว่ารอยขีดข่วนเพียงนิดเดียวคงไม่มีปัญหาอะไร แต่หารู้ไม่การที่ผิวหน้าของสีรถยนต์ที่มีตัวเคลือบอยู่ เพื่อป้องกันความชื้นเข้าไปถึงส่วนที่เป็นโลหะหรือแผ่นเหล็กนั้นถูกเปิดออก จะทำให้มีความชื้นเข้าไปสะสมก่อให้เกิดสนิมภายในโดยเราไม่รู้ตัว พอความชื้น เป็นสนิม เจอความร้อนจากการใช้งานเข้าไปอีก บรรดาสีเคลือบทั้งหลายจะเกิดอาการพื้นผิวสีปูดขึ้นมา เพราะจากสนิมเกาะกินเนื้อเหล็กชั้นในแล้ว
3. ขี้นก นอกจากจะน่ารังเกียจแล้วยังสามารถทิ้งคราบสกปรกติดทนนานบนสีรถด้วย อาหารสุดโปรดของเจ้านกน้อยทั้งหลายสามารถทิ้งคราบที่มีฤทธิ์เป็นกรด ผนวกกับเมล็ดขนาดเล็กที่สามารถทิ้งคราบและรอยขีดข่วนบนรถจนความแวววาวหายไป หากทิ้งคราบไว้นานจนเกินไป ถ้าเจอปัญหาจุกจิกแบบนี้ให้พ่นสเปรย์ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดลงไปเล็กน้อยบนรอยขี้นก และใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ขจัดคราบสกปรก โดยค่อย ๆ ใช้ผ้าแตะออกเบา ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้กรวดเล็กๆ จากขี้นกถูกลากไปมาบนสีรถ
4. คราบน้ำมัน การเติมน้ำมันจนเกือบล้นเป็นการเพิ่มโอกาสให้น้ำมันล้นจนหกออกมาเปื้อนรถ หากทิ้งคราบน้ำมันสกปรกไว้เป็นระยะเวลานานโดยไม่เช็ดทำความสะอาด รอยน้ำมันสามารถซึมเปื้อนลงสู่สีเคลือบชั้นบนสุดและทำให้สูญเสียความแวววาว และทิ้งคราบที่ยากต่อการทำความสะอาด วิธีป้องกันคราบน้ำมันสีน้ำตาลรอบ ๆ ฝาถังน้ำมัน ในกรณีทีทำน้ำมันหกเลอะด้านข้างของรถ ควรทำความสะอาดโดยทันทีด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์คุณภาพดี และสามารถใช้สเปรย์เพิ่มความเงางามปิดท้าย
5. ยางมะตอย คราบที่นักเดินทางหลาย ๆ ท่านจะประสบพบเจอบ่อย ๆ นั่นก็คือคราบยางมะตอย เรามักจะเจอคราบนี้บ่อย ๆ ถ้าคุณขับรถไปในพื้นที่ที่ทำถนนคราบยางมะตอยที่ยังไม่แห้งจะดีดขึ้นมาโดนตัวสีรถของเรา ส่วนใหญ่มักพบเจอบริเวณใต้ท้องรถหรือตรงสเกิร์ตรถ คราบนี้ไม่ควรทิ้งไว้นาน เพราะสามารถติดกับตัวรถของเราไปได้ตลอด
Cr. รู้ใจ